เรื่อง
หยุดก่อน! อย่าเพิ่งรีบกินมาร์ชมาลโลว์
“ คุณคิดว่าคนที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวในชีวิตต่างกันที่ตรงไหน”
โครงการวิจัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังนี้
เรียกว่าทฤษฎีมาร์ชมาลโลว์ เป็นโครงการวิจัยเด็กก่อนวัยเรียนในการทดลองนั้น
พวกเด็กๆจะถูกนำเข้าไปอยู่ในห้องทีละคน
จะมีผู้ใหญ่ซึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาและวางขนมมาร์ชมาลโลว์ หนึ่งชิ้นไว้ข้างหน้าเด็กผู้นั้น
จากนั้นเธอก็กล่าวว่าเธอต้องออกจากห้องไป 15
นาทีและบอกเด็กน้อยว่าถ้าเขาไม่กินขนมมาร์ชมาลโลว์ที่วางอยู่ขณะที่เธอไม่อยู่ในห้อง
เธอจะให้รางวัลด้วยขนมอีกก้อนหนึ่ง เมื่อเธอกลับมานั่นหมายความว่าถ้าเด็กน้อยไม่ตะกละกินมาร์ชมาลโลว์ในตอนที่เธอไม่อยู่
เด็กน้อยจะได้มันเพิ่มขึ้นอีกชิ้น ถ้าเป็นคุณคุณจะกินรึเปล่า??? ผลการทดลองนี้บอกอะไร
ผลวิจัยออกมาว่า
เด็กที่สามารถยับยั้งชั่งใจไม่กินมาร์ชมาลโลว์ได้นั้นมีผลการเรียนที่ดีกว่า สามารถเข้ากับคนอื่นได้ดีกว่า และจัดการกับความเครียดได้ดีกว่าเด็กที่ไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้กินขนมมาร์ชมาลโลว์ก้อนแรก
จากการทดลองด้วยเวลาสั้นๆ
หลังจากผู้ใหญ่ออกไปจากห้องได้ กลุ่มเด็กที่สามารถห้ามใจตัวเองไม่กินขนมมาร์ชมาลโลว์ หลายคนเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่ากลุ่มเด็กที่ไม่สามารถยับยั้งใจได้อย่างมากมายมาร์ชมาลโลว์
ก็คือ
ความต้องการให้ตนเองพอใจทันทีเดี๋ยวนี้
“
ความสามารถอดทนรอได้ “ จะทำให้เด็กผู้นั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ มากกว่าเด็กที่ห้ามใจตนเองไม่ได้ จากทฤษฎีมาร์ชมาลโลว์
สรุปได้ว่า "วินัย" ที่จะอดทนอดใจไม่ทำตาม "อารมณ์" เท่านั้น
ที่จะทำการใหญ่ได้สำเร็จ เหตุเพราะงานเล็ก ๆ ที่ทำไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จ คงไม่ต้องการวินัยมากนัก หากเป็นสิ่งใหญ่ๆ โครงการใหญ่
ๆ ที่ใช้เวลาเป็นเดือน หรือ ปี อย่างเช่น ลดความอ้วน, เล่นกล้าม
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การรักษาวินัย ทำสิ่งที่ควรทำให้ได้อย่างต่อเนื่อง
เป็นสิ่งที่ทำให้คนสำเร็จ ต่างจากคนล้มเหลว
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ตื่นมาวิ่งออกกำลังกายได้ 5 วัน
แล้วเช้าวันอาทิตย์ดันตื่นสาย บ่ายไปกินมื้อใหญ่ บอกมีวินัยมา 5 วันแล้ว ขอ
"ให้รางวัลตัวเอง" บ้าง ก็จะเท่ากับที่ทำมาทั้งหมดนั้นสูญเปล่า
ต้องกลับไปเริ่มใหม่กันเลยทีเดียว
คุณปลูกต้นยาง พร้อมเพื่อนที่ปลูกถั่วงอก เห็น 5
วันเพื่อนเก็บถั่วงอกขายคุณเลยไปกรีดต้นกล้ายางบ้าง แทนที่จะได้น้ำยางไปขาย
ทุกอย่างกลับพังทลายลงแทน เพราะการจะทำการใหญ่
มันไม่ใช่จะสำเร็จในการเหนื่อยครั้งเดียวเหมือนงานรายวัน
แต่เป็นการสะสมความสำเร็จทีละนิด ๆ ทวีคูณไปเรื่อย ๆ ทุกวันต่างหาก ผลลัพธ์ของคนที่
"อดทน" รอไม่กินมาร์ชมาลโลว์ได้จนถึงเวลาที่เหมาะสม มันจึงหอมหวานกว่าคนที่ขอชื่นชมกับความอร่อยเล็ก
ๆ ของมาร์ชมาลโลว์ชิ้นเล็ก ๆ ทุก ๆ วันนั่นเอง
หนังสือแนะนำ
Don’t eat the
Marshmallow Yet!
หยุดก่อน!
อย่าเพิ่งรีบกินมาร์ชมาลโลว์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น