ศึกษาเรียนรู้

6.2.64

การเจตนาดีไม่ใช่เรื่องผิด

       การเจตนาดีไม่ใช่เรื่องผิด แต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีนัก หากเราใช้เจตนาดีผิดคน

หนังสือ The Richest Man in Babylon ได้เล่านิทานเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับ ชาวนาที่เข้าใจภาษาสัตว์

เรื่องนี้มีอยู่ว่า ชาวนาที่เข้าใจภาษาสัตว์คนนี้ได้ฟังเสียงวัวกับลาคุยกัน ซึ่งเจ้าวัวมันกำลังโอดครวญกับลาถึงความลำบากของมัน ว่าตัวเองต้องลากคันไถจากเช้าจรดค่ำทุกวัน ไม่ว่าอากาศจะร้อนแค่ไหน แข้งขาของมันจะล้าเพียงใด หรือ แอกจะบาดคอจนแสบเท่าไหร่ มันก็ยังต้องทำงานหนักทุกวัน

ไม่เหมือนกับเจ้าลา ที่เกิดมาสบาย เพราะลาไม่ต้องอะไรเลยนอกจากให้เจ้าของปูหลังด้วยผ้าห่มสีสันสดสวย แล้วแบกเจ้านายไปยังที่ที่เขาอยากไป ถ้าเจ้านายไม่อยากไปไหน ลาก็แค่นอนกินหญ้าทั้งวัน
ด้วยความที่ลาเป็นสัตว์ที่นิสัยดีและเห็นอกเห็นใจวัว มันจึงพูดกับวัวด้วยความเข้าใจ ว่าวัวต้องทำงานหนักมากจริงๆ ลาจึงบอกวิธีที่ทำให้วัวได้พักผ่อนและสบายขึ้น
โดยการบอกวัวว่า “เมื่อถึงเวลารุ่งเช้า พอมีชาวนามาเอาตัวเจ้าไปไถนา ให้เจ้านอนลงบนพื้นแล้วร้องครวญครางให้มากๆ จนเขาคิดว่าเจ้าป่วยจนทำงานไม่ได้”
วัวจึงทำตามคำแนะนำของลา เช้าวันรุ่งขึ้นชาวนากลับไปบอกเจ้านายว่า “วัวล้มป่วยลากคันไถนาไม่ไหว”
พอเจ้านายได้ยินอย่างนั้น จึงบอกกับชาวนาไปว่า “ล่ามลากับคันไถนาซะ เพราะการไถนาจะต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”
ตลอดวันนั้น ลาซึ่งมีเจตนาเพียงเพื่อจะช่วยเพื่อนกลับพบว่า มันถูกบังคับให้ทำหน้าที่แทนวัว พอถึงฟ้ามืดชาวนาก็ปล่อยมันออกจากคันไถ หัวใจของมันขมขื่น แข้งขาอ่อนล้า คอก็ปวดระบบเพราะถูกแอกบาด
พอลากลับมา วัวก็ทักทายลาว่า “เจ้าเป็นเพื่อนที่ดีของข้าเหลือเกิน เพราะคำแนะนำแสนฉลาดของเจ้า ทำให้ข้าได้พักผ่อนและมีความสุขตลอดวัน
และข้า เจ้าลาโต้กลับด้วยอารมณ์ขุ่นมัว “ก็เหมือนคนใจดีอีกหลายคน ที่เริ่มต้นด้วยการช่วยเหลือเพื่อน และลงเอยด้วยการทำงานแทนเขา นับจากนี้ไป เจ้าต้องลากคันไถนาเองแล้วล่ะ เพราะข้าได้ยินเจ้านายบอกชาวนาว่า ให้ตามพ่อค้าเนื้อมา ถ้าเจ้าวัวล้มป่วยอีก
นับจากนั้นมาทั้งคู่ก็ไม่คุยกันอีกเลย มิตรภาพของพวกมันสิ้นสุดลง
นิทานเรื่องนี้ทิ้งบทเรียนราคาแพงให้กับเราว่า ถ้าเราอยากจะช่วยเหลือเพื่อน ก็จงช่วยด้วยวิธีที่เราไม่ต้องแบกรับภาระแทนเพื่อน
เพราะการขอยืม และ การให้ยืม ไม่ใช่แค่การส่งเงินจากฝ่ายหนึ่งไปสู่อีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่คนให้ยืมจะต้องไปทำงานหนักแทนเพื่อนเหมือนเจ้าลา เพื่อหาเงินมาให้คนอื่นที่ไม่อยากทำงานใช้
ฉะนั้น ถ้ามีใครมาขอยืมเงิน ก็อย่าได้หยิบยื่นเงินให้กับเขา แต่ให้ลองหางานให้เขาทำแลกเงิน แต่ถ้าเขาไม่ยอมทำเหมือนเจ้าวัวในนิทาน ก็เรื่องของเขา และจงปล่อยให้พ่อค้าเนื้อมาเอาตัวเขาไปใช้หนี้เอง
ไม่ต้องกลัวว่าคำปฏิเสธจะทำลายมิตรภาพระหว่างกัน เพราะต่อให้เราพยายามรักษามัน สุดท้ายคนที่ยืมเงินไปก็พร้อมที่จะทำลายมันในวันหนึ่งอยู่ดี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น